สำหรับในปี 2564

บริษัทฯ คาดการณ์ว่า ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) ในประเทศไทย

นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) ตั้งแต่ปลายปี 2562 ถึงสิ้นปี 2563 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั้งโลกรวมถึงประเทศไทยเผชิญภาวะวิกฤตครั้งรุนแรงกระทบต่อภาวะชะงักงันของภาคการผลิต (Supply disruption) ทั้งภายในและภายนอกประเทศ มีการจำกัดการเดินทางขนส่งภายในและระหว่างประเทศ (Lock down) เป็นการชั่วคราว ส่งผลต่อภาวะอุตสาหกรรมหม้อแปลงไฟฟ้าของทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนในประเทศปรับตัวลดลง มีผลต่อการจัดหาวัตถุดิบและกระบวนการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า แต่เนื่องจาก บริษัทฯ และบริษัทในเครือ ปรับการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ส่งผลให้ยอดส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศ ปี 2563 เพิ่มขึ้นจากปี 2562 สำหรับรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตและให้บริการรถกระเช้า และ รายได้จากการให้บริการตามสัญญาก่อสร้าง ในปี 2563 ลดลงเล็กน้อยจากปี 2562 เนื่องจากภาคเอกชนชะลอการลงทุน ตามภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยบริษัทฯ และบริษัทในเครือ พยายามบริหารต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ และบริษัทในเครือ ยังมีผลกำไรสุทธิในปี 2563

Message

สำหรับในปี 2564 บริษัทฯ คาดการณ์ว่า ความต้องการหม้อแปลงไฟฟ้าภายในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผลจากการเริ่มมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) ในประเทศไทย มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐปี 2564 เพิ่มขึ้นถึงสองแสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะเหนี่ยวนำการลงทุนภาคเอกชนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่าหนี่งแสนล้านบาท สำหรับการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้า แม้ภาวะเศรษฐกิจโลก อาจจะยังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (Covid-19) เริ่มดีขึ้น และมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีนโยบายที่จะรักษาฐานตลาดเดิม และมุ่งขยายฐานตลาดใหม่ในต่างประเทศ

ทั้งนี้ จากความร่วมมือ ความมุ่งมั่น และ การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินธุรกิจของผู้บริหารและพนักงานทุกท่าน ผมเชื่อมั่นว่า บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพทางธุรกิจ มีการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และนโยบาย ที่เหมาะสมชัดเจน สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม รวมถึง การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์ การพัฒนาประสิทธิภาพของการบริหารงาน และมาตรการอื่นๆ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้สามารถอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อีกทั้ง ยังมีการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อเป็นการพัฒนาแบบยั่งยืนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

ท้ายสุดนี้ ในนามของคณะกรรมการ ผมขอขอบคุณ ท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้า และ พันธมิตรทางธุรกิจ ที่ได้ให้ความไว้วางใจ และให้การสนับสนุน บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ด้วยดีตลอดมา และ ผมขอขอบคุณ ผู้บริหาร และ พนักงาน ของกลุ่มถิรไทยทุกท่านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจทำงานปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเพียรอุตสาหะให้กับบริษัทเสมอมา ผมเชื่อมั่นว่าด้วยพื้นฐานประสบการณ์ของผู้บริหารและพนักงานทุกท่านผนวกกับศักยภาพในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและมีธรรมาภิบาล จะสามารถทำให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่งคง ยั่งยืน และบรรลุเป้าหมายขององค์กร เพื่อยังประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นสืบไป

นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว

ประธานกรรมการ