16 สิงหาคม 2556

TRT โชว์กำไร Q 2 ปี 56 กวาดรายได้ 755.94 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นยิ้มไม่หุบ รับปันระหว่างกาล 0.11 บาท

ถิรไทย หรือ TRT ผู้นำตลาดผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าของไทย ประกาศผลประกอบไตรมาส 2 ปี 56 กวาดรายได้รวม 755.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 51.78 %    ผู้ถือหุ้น TRT เตรียมเฮ หลังมติบอร์ดคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาท

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2556 ว่า บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 755.94 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 31.94 ล้านบาท และผลประกอบการครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 1,217.91 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิรวม 68.12 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท ในการนี้เพื่อเป็นการตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.11 บาทต่อหุ้น เป็นเงินรวม 33,867,698.70 บาท

และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับเป้าหมายการเติบโตตามแผนธุรกิจของบริษัท ซึ่งตั้งเป้ารายได้รวมที่ระดับ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2017 คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ถิรไทย จำกัด(มหาชน) ครั้งที่ 2 (TRT-W2) แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน 6 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ  โดยมีราคาการใช้สิทธิ 5.50 บาทต่อหุ้น อายุ 2 ปี ซึ่งจะได้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติต่อไป

ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการในปี 2556 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจและการลงทุนมีการขยายตัวอย่างชัดเจนทั้งภูมิภาค ASEAN คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 % เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของทุกผลิตภัณฑ์ขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ามากกกว่า 2,300 ล้านบาทแล้ว โดยมาจากคำสั่งซื้อ และการส่งมอบงานให้กับการไฟฟ้านครหลวง มูลค่า 200 ล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 275 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 268 ล้านบาท และหน่วยงานเอกชนในประเทศ 867 ล้านบาท และส่งออกอีกประมาณ 350 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ อีกประมาณ 340 ล้านบาท

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับงานที่มีโครงการจะเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ในช่วง Q3-Q4 มีมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน 500 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 200 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 2,100 ล้านบาท และในส่วนของภาคเอกชนภายในประเทศอีก 2,000 ล้านบาท และส่งออกประมาณ 500 ล้านบาท และงานประมูลของบริษัทย่อย 700 ล้านบาท บริษัทฯคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะยังคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตามแผนธุรกิจของบริษัท