01 April 2013

TRT สดใส ออกตัวแรงตั้งแต่ต้นปี ประเดิมกวาดงาน กฟภ. กว่า 260 ล้านบาท

ถิรไทย หรือ TRT ออกสตาร์ทแรงตั้งแต่ต้นปีกวาด Backlog ในมือแล้วกว่า 1,915 ล้านบาท มากกว่าผลประกอบการในปี 55 ที่ผ่านมาตลอดทั้งปี มาจากงานในมือของบริษัทฯจำนวน 1,715 ล้านบาท และบริษัทย่อยอีก 200 ล้านบาท ด้านผู้บริหารย้ำปี 56 ทิศทางสดใสแน่ คาดรายได้โตกว่า 40% พร้อมเผยข่าวดี!! กวาดงานประมูลภาครัฐ ประเดิม กฟภ. มูลค่ากว่า 166 ล้านบาท และบริษัทลูก ถิรไทย อี แอนด์ เอส รับมอบสัญญาซื้อขาย รถขุดเจาะ มูลค่ากว่า 93 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 260 ล้านบาท

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้ผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุง หม้อแปลงไฟฟ้าทุกขนาดของคนไทยเพียงแห่งเดียว เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มเก็บ และชนะประมูลงานจากภาครัฐแล้ว โดยที่แรกได้ทำสัญญากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในสัญญาการซื้อขายหม้อแปลงไฟฟ้า เลขที่สัญญา ปก.ห.032/2556 หม้อแปลงขนาด 250 kVA 22 kVจำนวน 635 ชุด รวมมูลค่า 166,687,500 ล้าน โดยจะทำการส่งมอบภายในไตรมาส 2 ปี 2556

นอกจากนี้ทางด้าน บริษัท ถิรไทย อี แอนด์ เอส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) ก็ได้รับมอบสัญญาซื้อขายรถขุดเจาะกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วยเช่นกัน เพื่อใช้ในการขุดเจาะลงเสาเข็มในการติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงของ กฟภ. จำนวน 11 คัน มูลค่า 93,148,000 บาท เลขที่สัญญา สต. 034/2556 โดยจะทำการส่งมอบภายในไตรมาส 4 ปี 2556 โดยรวมมูลค่าในสัญญาลงนามทั้ง 2 โครงการ กับ กฟภ. เป็นเงินทั้งสิ้น 259,835,500 บาท

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการในปี 2556 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจและการลงทุนมีการขยายตัวอย่างชัดเจนทั้งภูมิภาค ASEAN คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 % เนื่องจากคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ของทุกผลิตภัณฑ์ขยายตัวมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) มูลค่ากว่า 1,915 ล้านบาท ประกอบด้วย TRT จำนวน 1,715 ล้านบาท และบริษัทย่อย จำนวน 200 ล้านบาท ส่งผลให้ขณะนี้บริษัทฯ มีงานในมือแล้วมากกว่าผลประกอบการในปี 55 ตลอดทั้งปี

“สำหรับงานที่มีโครงการจะเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง ในช่วง Q2-Q3 มีมูลค่ากว่า 5,535 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค วงเงิน 335 ล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิต 200 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง 1,900 ล้านบาท และ ในส่วนของภาคเอกชน 2,300 ล้านบาท และส่งออก 500 ล้านบาท และ งานประมูลของบริษัทย่อย 300 ล้านบาท บริษัทฯคาดว่าจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25 % ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพื่อรักษาอัตราเติบโตของบริษัทฯ” นายสัมพันธ์ กล่าวปิดท้าย